เผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศเสี่ยงป่วยโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง เนื่องจากเมินล้างมือฟอกสบู่หลังใช้ห้องน้ำก่อนรับประทานอาหาร โดยพบว่ามีเพียงร้อยละ 25 ที่มือสะอาด ล้างทุกครั้งติดเป็นนิสัย ชี้ผลวิจัยต่างประเทศพบว่าการล้างมือและฟอกสบู่จะขจัดเชื้อโรคออกจากมือได้ถึงร้อยละ 92 ป้องกันการป่วยได้ดีพอๆกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าการสำรวจพฤติกรรมการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปกระจายทั้ง 4 ภาครวมทั้งในเขตกทม.และปริมณฑล ซึ่งการล้างมือเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่เร่งปลูกฝังเนื่องจากมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีการป้องกันโรคที่ประหยัด ให้ผลดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ผลการสำรวจครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 512 คน ผลปรากฏว่ามีกลุ่มตัวอย่างที่มีพฤติกรรมมือสะอาดล้างมือฟอกสบู่ติดเป็นนิสัย กระทำทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำ และก่อนรับประทานอาหาร ร้อยละ 25 ผู้หญิงล้างมากกว่าผู้ชาย กลุ่มที่ล้างมากอันดับ 1 ได้แก่พนักงานบริษัท รองลงมาคือนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มว่างงาน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือปฏิบัติมากที่สุด รองลงมาคือภาคเหนือ และกทม ปริมณฑล
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ล้างบ้างไม่ล้างบ้าง และไม่เคยล้างเลย กลุ่มหลังนี้ มีความเสี่ยงติดเชื้อและแพร่เชื้อโรคต่างๆที่ติดมากับมือ ไปสู่คนอื่นได้ เช่นเชื้อโรคอุจจาระร่วง โรคดังกล่าวพบได้ตลอดปีปีละมากกว่าล้านกว่าราย สาเหตุของโรคนี้เกิดได้จากทั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่มีอยู่ในอุจจาระ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการล้างมือและฟอกสบู่
พฤติกรรมการล้างมือฟอกสบู่นั้น ควรเริ่มในครอบครัว ควรเริ่มสอนตั้งแต่อยู่ในวัยเด็ก สำคัญที่สุดพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เด็กจะเกิดการเรียนรู้และจดจำโดยอัตโนมัติ ขณะที่ฝึกเด็กจะต้องสร้างบรรยากาศให้เป็นเรื่องสนุกที่เด็กๆชอบด้วย
การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดถูกวิธีมี 7 ขั้นตอน
- ฝ่ามือถูกัน
- ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว
- ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว
- หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ
- ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบฝ่ามือ
- ปลายนิ้วถูขวางฝ่ามือ
- ถูรอบข้อมือ
ทุกขั้นตอนทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง ใช้เวลาไม่นานเพียง 10-20 วินาที หากทุกคนหมั่นล้างมือให้สะอาด จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารจะลดลง รวมทั้งลดโรคอื่นๆที่เชื้อติดมากับมือเช่นกัน เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ แม้กระทั่งโควิด19 ที่ระบาดอยู่ตอนนี้ด้วย